เมนู

วิโนทนญฺจ อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ฐานโส
อนฺตรธาเปติ
(จิตคิดจะไป ข่มไม่ได้ บรรเทาได้ยาก และย่อมยังบาปอกุศลธรรม
ที่ข่มไม่ได้ ที่ข่มไม่ได้ให้อันตรธานไปโดยฉับพลัน ) มาในความหมายว่า
ตัดไม่ได้ ดังในประโยคนี้ว่า อริยํ อฏฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวนฺโต
พหุลีกโรนฺโต อุปฺปนฺนุปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อนฺตราเยว
อนฺตรธาเปติ
(บุคคลเจริญกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8
ย่อมยังบาปอกุศลธรรมที่ยังละไม่ได้ และละไม่ได้ให้อันตรธานไป) มาใน
ความหมายว่า ถึงขณะทั้ง 3 ดังในประโยคนี้ว่า อุปฺปชฺชมานํ อุปปนฺนนฺติ
อามนฺตา
(ถามว่า จิตกำลังเกิด ชื่อว่า ถึงขณะทั้ง 3 หรือ ตอบว่า ใช่) แม้
อุปปันนศัพท์ในที่นี้ ก็พึงทราบว่า ถึงขณะทั้ง 3 เท่านั้น. เพราะฉะนั้น ในคำว่า
อุปฺปนฺนํ โหติ นี้ พึงทราบเนื้อความสังเขปนี้ว่า ถึงขณะทั้ง 3 กำลังเป็นไป
ได้แก่ ปัจจุบัน.

อธิบายคำว่าจิตเป็นประธาน



ก็คำว่า จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ นี้ คือจิตเป็นประธานแห่งเทศนา ก็จิต
ย่อมไม่เกิดขึ้นเฉพาะดวงเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น เมื่อเขาพูดว่า พระราชา
เสด็จมาแล้ว ดังนี้ ก็พระราชาทรงละบริษัทแล้วมาพระองค์เดียวเท่านั้น ก็หาไม่
แต่ที่แท้แล้วย่อมปรากฏว่า มาพร้อมกับบริษัททีเดียว ฉันใด แม้จิตนี้ก็ฉันนั้น
บัณฑิตพึงทราบว่าเกิด มาพร้อมกับกุศลธรรมเกิน 50 โดยแท้. อนึ่ง คำว่า
จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ นี้ พระมีพระภาคเจ้าตรัสไว้ ด้วยอรรถว่าเป็นประธาน
(เป็นสภาพถึงก่อน).
จริงอยู่ เพ่งถึงโลกิยธรรมแล้ว จิตก็เป็นใหญ่ เป็นธุระ เป็นประธาน
แต่เพ่งถึงโลกุตรธรรมแล้ว ปัญญาเป็นใหญ่ เป็นธุระ เป็นประธาน เพราะเหตุ